(0)
เหรียญหลวงปู่ดู่ วัดสะแก รุ่นดาวสามดวง เนื้อตะกั่ว ชนวนเปิดโลก หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์ หลวงพ่อหวล เสก
รายการประมูลนี้ถูกยกเลิกโดยผู้ตั้งประมูล








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต


รายการประมูลนี้ถูกยกเลิกโดยผู้ตั้งประมูล



ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงปู่ดู่ วัดสะแก รุ่นดาวสามดวง เนื้อตะกั่ว ชนวนเปิดโลก หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์ หลวงพ่อหวล เสก
รายละเอียด เนื้อตะกั่วลงยา ชนวนเปิดโลก หลวงปู่ดู่ หายากครับ
หมายเลข 347
ราคาเปิดประมูล 800 บาท
ราคาปัจจุบัน -- ยังไม่มีผู้เสนอราคา -- (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ 50 บาท
วันเปิดประมูล พ. - 24 เม.ย. 2567 - 23:36:51 น.
วันปิดประมูล ส. - 04 พ.ค. 2567 - 23:36:51 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูล stargon (1.9K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 พ. - 24 เม.ย. 2567 - 23:37:11 น.

#เหรียญครบรอบ30ปี
หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์ ที่หลวงปู่ดู่ท่านบวชเมื่อ ปี 2531 ออกแบบโดย หลวงตาม้า และ อาจารย์ศุภรัตน์
ด้านหน้า
เป็น หลวงปู่ดู่ ด้านบนเป็น อักขระ อิ สวา สุ
หลวงปู่ได้กล่าวไว้ว่า สมัยก่อนการเลิกเนตรตั้งองค์พระ
เรียกอาการ 32 จะใช้ มะ อะ อุ ส่วนตาขวา จะใช้ อิ สวา สุ
มีดวงแก้วมหาจักรพรรดิวางที่หน้าตัก นามท่านที่แกะจากลายเซ็น หลวงปู่ดู่ มี นะซ่อนหัว เป็นสัญลักษณ์อักขระประจำตัวท่าน
ด้านหลัง
เป็น นาค ล้อม ครุฑ เสริม อำนาจและบารมี
ล้อมด้วย คาถา มหาจักรพรรดิ
คาถา ยันต์เกาะเพชร
คาถา พระอรหันต์ ๘ ทิศ
คาถา ฉัตร ๙ ชั้น
ยันต์ตุ๊กตาพระจักรพรรดิทรงเครื่อง หนุน ด้วย ธาตุ 4 คือ
นะ มะ พะ ทะ หรือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งประจำที่ธำมรงค์มหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่
มี ตรี คฑา จัก สังข์ ดาวประจำวันเพื่อหนุนดวง
ชนวน ก็ไม่ต้องพูดถึง อลังการงานสร้าง ให้สมบารมี
หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์
#ปลุกเสกอธิษฐานจิต ป็นที่เรียบร้อย โดย #หลวงปู่หวล
หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์ เมื่อเสกเสร็จหลวงปู่ท่านทิ้งท้ายไว้ว่า “” ตอนเสกเห็นพระแก่ๆลอยบนหัวท่าน ท่ามกลางลูกศิษย์นับร้อย ซึ่งตรงกับตอนที่เสกเหรียญเปิดโลก ที่หลวงปู่หวลเห็นพระแก่ๆยืนข้างอาสนะที่จัดให้หลวงปู่ดู่ “”
นอกจากเหรียญรุ่นนี้จะรำลึกการบวชพร้อมกันที่วัดพุทไธฯและวัดสะแก ครบ 30 ปี หลวงตา อาจารย์
รุ่นนี้ยังมีความหมาย รุ่น ไตรสรณคมน์ อีกด้วย เปรียบเสมือนดาว 3 ดวง ที่เป็นดาวฤกษ์ส่องนำทางให้ลูกศิษย์ตลอดเวลา บวชใน วัดสะแก บวชนอก วัดพุทไธฯ
ความฝันอันสูงสุด
มีอยู่คืนหนึ่งหลวงปู่ดู่เล่าว่า ท่านฝันว่ากินดาว ๓ ดวง ลักษณะที่กินเหมือนกินขนมปังกรอบ เมื่อตื่นขึ้นมานึกสงสัยว่า เราจะมีโชคลาภถูกรางวัลที่หนึ่งกระมัง เมื่อคิดไปคิดมาหลายตลบก็ยังลงเอยไม่ได้ แต่คิดว่าคงเป็นของสูงกว่านี้ ประกอบกับในขณะนั้นท่านเจ้าคุณ(หลวงปู่ใหญ่)เจ้าอาวาสวัดสะแก ท่านได้ให้หลวงปู่ดู่ช่วยเสกพระสมเด็จให้ท่าน พร้อมทั้งกำชับให้คาถาเพื่อใช้กับองค์พระด้วย หลวงปู่ดู่บอกว่าสูบบุหรี่ไปหลายมวนก็ยังหาคาถาไม่ได้ ในแวบหนึ่งของจิตท่าน คิดว่าทั้งสามโลกนี้จะหาอะไรมาสูงสุดเทียบกับอำนาจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านมองไปที่ถาดสมเด็จ แล้วระลึกถึงไตรสรคมณ์เท่านั้นก็เป็นขึ้น คำว่า ขึ้น ในที่นี้คืออาการเกิดปิติขึ้น ทางกาย ทางใจ และมีสิ่งที่ติดตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ความสว่างเป็นต้น จนในที่สุดท่านก็สรุปคาถาที่จะให้กับหลวงปู่ใหญ่ว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ และหลังจากนั้นท่านก็ได้มอบคาถานี้ให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการภาวนา หลวงปู่ดู่พูดว่า หลวงปู่ทวดกล่าวว่า ไตรสรณคมน์ นั้น เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก่อนบวชก็เป็นพระสงฆ์ เมื่อมาค้นพบพระสัจธรรมก็เป็นพระพุทธเจ้า พุทโธนั้นแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งเป็นดอกหรือผลที่เกิดขึ้น ต้องมีไตรสรณคมน์ก่อนจึงจะเป็นผู้รู้ได้
เกี่ยวกับไตรสรณคมน์นี้ หลวงปู่บอกว่า ถ้าจิตเราเป็นแล้วเพียงฟังคนอื่นเขาพูดก็เป็นขึ้นมาได้ เมื่อกึ่งพุทธกาลวั้นนั้นฉันเดินไปถาน(ห้องส้วม)ซึ่งเมื่อก่อนอยู่หลังวัด แค่หูแว่วไปได้ยินเสียงเจ้าคุณกำลังให้ศีลบนศาลา พอได้ฟังแค่นั้นก็เป็นแล้ว ห้ามอย่างไรก็ไม่ได้ แสงสว่างที่ปรากฏเต็มไปหมดตั้งแต่นั้นมาก็มืดเลยแก้ไม่ถูกไม่รู้จะแก้อย่างไร
การที่หลวงปู่พูดเช่นนี้ ลูกศิษย์ทั้งหลายเข้าใจว่า หลวงปู่โดยปกติเป็นผู้ถ่อมตัว เมื่อมีคนไปถามเรื่องอะไรมากๆท่านจะพูดว่า"ข้าไม่รู้ ข้ายังมืดอยู่ มืดมาตั้งแต่กึ่งพุทธกาลแล้ว"อาจารย์ศุภรัตน์เองเคยเรียนถามท่านว่า "มืดแล้วใจหลวงพ่อ เป็นอย่างไรครับ"ท่านตอบว่า"ก็เฉยๆสบายดีไม่เห็นเป็นอะไร ตามเรื่องของมัน จะสว่างเมื่อไหร่ก็ช่าง สว่างเมื่อไรข้าก็อยู่ไม่นานแล้ว"และสิ่งที่ทำให้อาจารย์สบายใจ เมื่อหลวงปู่พูดว่า "ขืนบอกว่าสว่างซิ รถจากวัดสะแกไปถึงถนนใหญ่ยังไม่พอเลย จะตายไวขึ้น"มีครั้งหนึ่งอาจารย์เคยเรียนถามหลวงปู่ว่าถึงการปฏิบัติสมาธิสมาธิ "การที่หลวงปู่สร้างผงพระนั้นหลวงปู่ก็ต้องเคยพบกับความสงบแล้วซิครับ" ซึ่งสาเหตุของการถามเรื่องนี้ เกิดจากการที่ท่านสอนว่า "พยายามปฏิบัติเข้า ให้ใจถึงความสงบ ข้าเองปฏิบัติมาตั้งนานยังไม่สงบซักที"แต่สิ่งที่หลวงปู่ตอบ ทำให้อาจารย์ศุภรัตน์มีความปิติใจมาก คือ ท่านตอบว่า"สงบแบบนั้น มันครั้งคราวไม่แน่นอนแต่เมื่อถึงพุทธกาลน่ะซิ สงบจริงๆ"คงจะเข้าตามหลักที่ท่านว่า "นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี"สงบที่แท้จริงนั้น คือ สงบจากกิเลส ตัณหา และอุปทานกระมัง ที่หลวงปู่ท่านไดรับและสิ่งที่ท่านบอกว่ามืด อาจหมายถึงอวิชชานั้นเองที่มืด คือไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้อีก เพราะจิตที่สะอาดสว่างและสงบเท่านั้น คือความว่างอย่างแท้จริง ซึ่งหลวงปู่คงให้ปริศนาธรรมสำหรับพวกเรา ซึ่งยังมืดบอดคลำหาหนทางอยู่


 
ราคาปัจจุบัน :     800 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 
(0)
  ประวัติการเสนอราคา
 
-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --


Copyright ©G-PRA.COM