ชื่อพระเครื่อง | แหวนปลอกมืด - พิรอด เวสสุวรรณ - อาฬวกยักษ์ - สิงห์มหามงคล วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร |
รายละเอียด | แหวนปลอกมืด - พิรอด เวสสุวรรณ - อาฬวกยักษ์ - สิงห์มหามงคล เบอร์63 เนื้อทองทิพย์( จัดสร้าง รุ่นแรก : จัดสร้างเป็น ครั้งแรก ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (หลวงพ่อพระพุทธชินราช ) พิษณุโลก
เวสสุวรรณ : วัดหลวงพ่อชินราช พิษณุโลก เทวรูป (ท้าวเวสสุวรรณ : เวสวัณ ) ปางประทับนั่งถือ (คทาวุธัง : กระบองวิเศษ เป็นอาวุธ ) หล่อด้วยโลหะสำริด ลงรักปิดทองโบราณ สมัยอยุธยา เก่าสุดในประเทศไทย ประดิษฐานถวายอภิบาล ที่ ฐานชุกชีรัตนบัลลังก์ องค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช
เบิ้องพระหัตถ์ซ้าย
2 ประดิษฐาน คู่กับ เทวรูป ( อาฬวกยักษ์ ) ( เสนาบดี ของท้าวเวสสุวรรณ : มี ทุสาวุธัง : ผ้าวิเศษ เป็น อาวุธ เทินไว้บนศรีษะ ) หล่อด้วยโลหะสำริดลงรักปิดทองโบราณ ด้านพระหัตถ์ขวา ( ด้านเหนือ ) ฐานชุกชีรัตนบัลลังก์พระพุทธชินราช
; อาฬวกยักษ์ : ปรากฏใน บทพาหุง หรือ บทสวดพาหุงมหากา หรือ "พุทธชัยมงคลคาถา หรือ คนส่วนใหญ่เรียกคาถานี้ว่า บทสวดพาหุง ถือเป็นคาถาเก่าแก่ มีความยาว 8 บท ที่มีเนื้อหาสรรเสริญชัยชนะ 8 ประการอันเป็นมงคลของพระพุทธเจ้า ที่ทรงใช้ธรรมะอยู่เหนือมนุษย์และมารผจญทั้งปวง ( หัวใจพาหุง พา - มา - นา - อุ - กะ - สะ - นะ - ทุ )
ในบทที่ 2 พระพุทธองค์ เสด็จไปโปรดและ ปราบ อาฬวกยักษ์ ด้วย ขันติธรรม จนเป็น สัมมาทิฐิ บรรลุ อรหันตบุคคล ขั้น ( โสดาบัน )
พาหุง บทที่ 2 มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
คำแปล พาหุง บทที่ 2 สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะอาฬวกยักษ์ผู้โหดร้ายบ้าคลั่ง น่าสพึงกลัว ซึ่งต่อสู้กับพระองค์ ตลอดทั้งคืนรุนแรงยิ่งกว่าพญามาร จนละพยศร้ายได้สิ้น ด้วยขันติธรรมวิธีอันพระองค์ได้ฝึกไว้ดีแล้ว และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า
พาหุง บทที่ 2 แต่โบราณ เชื่อกันว่า ( มี ชัยชนะเหนือใจคนที่เป็นปฏิปักษ์ )
เทวรูป ท้าวเวสสุวรรณ และ อาฬวกยักษ์ ตั้งประดิษฐาน เบื้องหน้า เสาศิลาแลง รองรับ เดือย ไม้ขาเสาซุ้มเรือนแก้ว ส่วนฐานล่างของ ขาตัวมกร ( มะ - กอน ) ไม้จำหลักโบราณ ศิลปกรรมสมัยอยุธยา โดยการก่ออิฐสอปูนปิด รอยต่อระหว่าง เดือนขาไม้ซุ้มเรือนแก้ว กับ เสาศิลาแลง ยึดช่วยไว้ จุดรอยต่อจุดนี้จึงค่อยข้างจะไม่งดงาม เท่าไรนัก
; ซุ้ม เรือนแก้ว เป็น ศิลปกรรมลอยตัว ที่งดงามโดดเด่น ยิ่ง เป็นเอกอุ ในแผ่นดิน ( ไม่ใช่ ซุ้มเรือนแก้ว ปูนปั้นแบบติดผนัง ที่ปรากฏพบเห็นทั่วไป หรือ ในสกุลพระพิมพ์ แต่ เป็น ซุ้มเรือนแก้ว ที่เป็น ศิลปกรรมลอยตัว ฝีมือเอกอันเป็น มรดกศิลปกรรมของแผ่นดิน
; ซุ้มเรือนแก้ว เป็น ไม้ แกะสลัก 6 ส่วนประกอบกัน เป็น ซุ้มเรือนแก้ว ( ลอยตัว ) มี การเจาะ หูเหล็ก ไว้ ด้านหลัง ซึ่ง เป็น ผิวไม่เรียบ ทาชาดแดง แล้วมี เหล็ก เส้นเป็นตะขอ ร้อยหูเหล็ก แล่นไปค้ำ ยึดติดกับผนังพระวิหาร ด้านหลังองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช จำนวน 6 เส้น ให้ ตัวไม้ซุ้มเรือนแก้ว มั่นคง ตั้งดำรงอยู่ได้ อย่างโดดเด่น เป็นศิลปกรรมที่งดงามยิ่ง รับกับพระวรการ และ ช่วยเสริมส่ง ให้ องค์พระงดงามยิ่งขึ้น ;ผนัง ด้านหลังองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช ลงรัก จิตกรรมปิดทอง ลายเทพพนม ประนมหัตถ์ถือดอกบัว ถวายการนมัสการ อยู่ ด้านซ้าย - ขวา และ มี ( ลายดอกมณฑารณ หรือ ดอกมณฑาสวรรค์ หรือ นิยมเรียกกันว่า ลายดอกไม้ร่วง ) เป็น ช่อมี ใบ ดอก และ ก้านใบ ก้านดอกมณฑารพ;ดอกมณฑารพ ดอกไม้สวรรค์ใน พุทธประวัติ จะหล่นจากสวรรค์ ใน ตอนประสูติ - ตรัสรู้ - ปฐมเทศนา และ ปรินิพพาน; คติซุ้มเรือนแก้ว มาจาก ฉัพพรรณรังสี ที่ ปรากฏใน สัปดาห์ที่ 4 ของ การเสวยวิมุตติสุข มีฝนตกหนัก พระพุทธองค์ เสด็จประทับนั่งบำเพ็ญสมาธิ ใน ซุ้มเรือนแก้ว ที่ เทวดา นิมิตสร้างน้อยถวาย ผินพระพักตร์ไปทางทิศประจิม ( ตะวันตก ) หรือ พายัพ
; (ทุสาวุธัง : กระบองวิเศษ เวสสุวรรณ และ - ทุสาวุธัง : ผ้าวิเศษ เทินไว้บนศรีษะ อาฬวกยักษ์ ยกมือทั้ง 2 ประคองยก ทุสาวุธัง เทินไว้บนศรีษะ ) คือ 2 ใน 4 ของ อาวุธวิเศษ ของโลก ที่ ปรากฏ ใน อาฬวกสูตร ) และ ( เวสสุวรรณ หรือ เวสวัณ ) ปรากฏใน ( อาฏานาฏิยปริตร ) ที่ เวสสุวรรณ และ ท้าวจตุโลกบาล ได้มาทูลถวาย อาฏานาฏิยสูตร แด่พระพุทธองค์
; อาฬวกสูตร อรรถกถาอาฬวกสูตร ที่ปรากฏความตอนหนึ่ง กล่าวถึง อาวุธ ๔ ดังนี้
ได้ยินว่า อาวุธที่ประเสริฐที่สุดในโลกมี ๔ อย่าง คือ วชิราวุธของท้าวสักกะ คทาวุธของท้าวเวสวัณ นยนาวุธของพระยายม ทุสสาวุธของอาฬวกยักษ์.
ก็ผิว่า ท้าวสักกะทรงพิโรธแล้ว พึงประหารวชิราวุธบนยอดเขาสิเนรุไซร้ วชิราวุธนั้นก็จะพึงชำแรกภูเขาสิเนรุซึ่งสูงหนึ่งแสนหกหมื่นแปดพันโยชน์ ลงไปถึงข้างล่าง.
คทาที่ท้าวเวสวัณปล่อยในกาลที่ตนยังเป็นปุถุชน ทำลายศีรษะของพวกยักษ์หลายพันแล้วกลับมาสู่กำมือตั้งอยู่อีก.
ครั้นเมื่อพระยายมพิโรธแล้วสักว่ามองดูด้วยนยนาวุธ กุมภัณฑ์หลายพันก็จะลุกเป็นไฟพินาศ ดุจหญ้าและใบไม้บนกระเบื้องร้อนฉะนั้น.
อาฬวกยักษ์โกรธ ถ้าพึงปล่อยทุสสาวุธในอากาศไซร้ ฝนก็ไม่พึงตกตลอด ๑๒ ปี ถ้าปล่อยในแผ่นดินไซร้ วัตถุมีต้นไม้และหญ้าทั้งปวงเป็นต้นก็จะเหี่ยวแห้งไม่งอกอีก ภายใน ๑๒ ปี ถ้าพึงปล่อยในสมุทรไซร้ น้ำทั้งหมดก็พึงเหือดแห้งดุจหยาดน้ำในกระเบื้องร้อนฉะนั้น ถ้าจะพึงปล่อยในภูเขาเช่นกับเขาสิเนรุไซร้ ภูเขาก็จะเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ กระจัดกระจายไป
.
; เทวรูปเวสสุวรรณ ปางประทับนั่งยอง ๆ กระบองเอียง หนึ่งเดียว และ อาฬวกยักษ์ ที่ เก่าสุดในสยามรัฐสีมา
3️⃣ ยันต์อกเลา บานประตูประดับมุก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ กรุงศรีอยุธยา มีพระราชศรัทธา สร้างถวาย เป็น พุทธบูชา ในปี พ. ศ, 2299
แต่โบราณ ถือกันว่า อกเลา คือ ยันต์ศักดิ์สิทธิ์ ประจำองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช มีคุณวิเศษ ยิ่ง
; สิงห์ศิลาคู่ ศิลปขอม สมเด็จเจ้าสามพระยา พระมหากษัตริย์ ลำดับ ที่ 7 ของ กรุงศรีอยุธยา ( พระราชบิดาในสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และ ทรงเคยเป็น พระอุปราช ครองพิษณุโลก ) กษัตริย์ พระองค์แรก ตียึดนครธม ขอมได้ นำมาถวาย สถิตอภิบาลรักษา ที่ หน้าพระวิหาร พระพุทธชินราช เป็น พุทธบูชา ในราว 600 ปี ที่ผ่านมา
แหวนปลอกมืด - พิรอด ( ใต้ท้องแหวน ) - เวสสุวรรณ - อาฬวกยักษ์ - สิงหมหามงคล จารึก พระคาถา อุดธัง : อัดโท และ ตอกโค้ด นิพุโต
เชิญ สิ่งมงคลศักดิ์สิทธิ์ คู่พระวิหารพระพุทธชินราช มาเป็น สิ่งมงคลสักการะ มงคลวิเศษ ในแหวนปลอดมืด - พิรอด เครื่องรางของขลังโบราณ เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล แก่ผู้มีไว้ สวมใส่ ติดตัว บูชา เป็น มงคล ปลอดภัย ยิ่ง ในมงคลกาล นี้ |
ราคาเปิดประมูล | 540 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 550 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | - 20 เม.ย. 2566 - 18:44:22 น. |
วันปิดประมูล | - 25 เม.ย. 2566 - 15:29:55 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | zangift (5.9K)
|